คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ งวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567
บริษัทฯ ขอนำส่งงบการเงินระหว่างกาลฉบับสอบทานแล้วสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 และรายงานการสอบทานข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พร้อมกับคำชี้แจง สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20 จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งสรุปไดดังนี้:
งบการเงินเฉพาะกิจการ
1.1 ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ํามัน 251.522 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา เดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 20.569 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.91 มีรายได้รวมทั้งสิ้นเป็นจํานวน 7,117.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 487.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.36 เนื่องจาก สาเหตุที่สําคัญคือ รายได้จากการขายน้ํามันเพิ่มขึ้น จากปริมาณการขายส่งน้ํามันในประเทศ และการส่งออกน้ํามันไป ต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวมีต้นทุนในการจัดจําหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนั้นกําไรขั้นต้นลดลง จากค่าการตลาด เฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลง และผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าน้ํามันคงเหลือ ตามราคาน้ํามันที่ลดลง สําหรับค่าใช้จ่ายใน การบริหารที่เพิ่มขึ้น เกิดจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นจริงจํานวน 50.43 ล้านบาท จากการส่งออกน้ํามัน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกําไรสุทธิจํานวน 77.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปี 2566 ที่มีกําไรสุทธิจํานวน 65.45 ล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้น 12.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.70
1.2 สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ํามัน 799,521
ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 103.238 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.83 มีรายได้ รวมทั้งสิ้นเป็นจํานวน 22,426.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 1,494.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.14 เนื่องจากสาเหตุที่สําคัญคือ รายได้จากการขายน้ํามันเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายส่งน้ํามัน ในประเทศ และการส่งออกน้ํามันไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้า ค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวก็มีต้นทุนในการจัดจําหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะ ที่กําไรจากการขายเงินลงทุนลดลง เนื่องจากในงวดเก้าเดือนของปี 2566 บริษัทฯ มีกําไรจากขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย จํานวน 1,135.36 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีรายการดังกล่าว บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ จํานวน 302.38 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีกําไรสุทธิจํานวน 1,162.35 ล้านบาทแล้ว ลดลง 859.97 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 73.99 เนื่องจากกําไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายภาษี เงินได้ลดลง
งบการเงินรวม
2.1 ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการขายน้ํามันรวม 255,250 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 21.922 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.40 มีรายได้รวมทั้งสิ้นเป็นจํานวน 7,648.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 99.11 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.31 เนื่องจากรายได้จากการขายน้ํามันเพิ่มขึ้น จากปริมาณการขายส่งน้ํามันในประเทศ และการส่งออกน้ํามันไป ต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวก็มีต้นทุนในการจัดจําหน่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นรายได้จากการขาย รถยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท ซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมียอดจําหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในไตรมาส 3/2567 จํานวน 409 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 401 คัน หรือลดลงร้อยละ 49.51 เนื่องจากการ อนุมัติสินเชื่อรถยนต์ที่เข้มงวด และกําลังซื้อที่ลดลง บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 57.77 ล้านบาท ลดลง จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 27.97 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 32.62 เนื่องจากกําไรขั้นต้นจากการ ขายน้ํามันลดลง จากค่าการตลาดเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลง และผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าน้ํามันคงเหลือ ตามราคา น้ํามันที่ลดลง สําหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจํานวน
49.77 ล้านบาท
2.2 สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการขาย น้ํามันรวม 807.353 ล้านลิตร ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 42.122 ล้านลิตร หรือลดลงร้อยละ 4.96 เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยไม่ได้รวมปริมาณการขายน้ํามันสายการบินและน้ํามันผ่านสถานีบริการของ บริษัทไซโนเปค ซัสโก้ จํากัด ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจในบริษัทย่อย ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกิจการร่วมค้า ในขณะที่กลุ่ม บริษัทซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมียอดจําหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD จํานวน 1,242 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 414 คัน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 23,951.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลา เดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 1,738.86 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 6.77 จากรายได้จากการขายน้ํามันลดลง เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยไม่ได้รวมรายได้จากการขายน้ํามันสายการบิน และรายได้จากการขายน้ํามันผ่าน สถานีบริการที่เดิมเป็นธุรกิจในบริษัทย่อย ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกิจการร่วมค้า (บริษัทไซโนเปค ซัสโก้ จํากัด) และ กําไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยลดลงจํานวน 1,121.93 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มบริษัทซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็น บริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากยอดจําหน่ายที่เพิ่มขึ้น และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น จากการกลับ รายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวก็มีต้นทุนในการจัด จําหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 182.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจํานวน 1,001.76 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 84.59 เนื่องจากกําไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยลดลง จํานวน 1,121.93 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจํานวน 9,876.44 ล้านบาท เมื่อ เปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีจํานวน 9,831.39 ล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นจํานวน 45.05 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.46 เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจํานวน 458.51 ล้านบาท เนื่องจากสินทรัพย์สิทธิการใช้ เพิ่มขึ้น จากสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สินทรัพย์หมุนเวียนลดลงจํานวน 413.46 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 13.24 จากสินค้าคงเหลือลดลง เนื่องจากการขายรถไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นลดลง เนื่องจาก บริษัทย่อย ขายเงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีหนี้สินรวมจํานวน 5,439.42 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีจํานวน 5,256.12 ล้านบาท แล้วเพิ่มขึ้น 183.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.49 จากหนี้สินไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจํานวน 448.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.25 เนื่องจากหนี้สินตามสัญญเช่าเพิ่มขึ้น จากสัญญาการเช่าที่เพิ่มขึ้น และเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการดําเนินงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้สินหมุนเวียนลดลงจํานวน 265.61 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 8.20 จากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นลดลงจํานวน 513.90 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26.01 ในขณะที่เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้นจํานวน 211.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.09 เนื่องจากบริษัทฯ กู้ยืมเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชําระค่าสินค้าเพิ่มขึ้น
เมื่อพิจารณาร่วมกับอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่องที่สําคัญ บริษัทฯและบริษัทย่อย มี อัตราส่วนสภาพคล่องที่ 0.91 อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้าที่ 46.40 อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือที่ 21.64 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 1.23 และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 1.12 เป็นสิ่ง ยืนยันว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยยังมีสภาพคล่องที่สูงและเพียงพอ สําหรับใช้ในการดําเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและที่จะ ขยายต่อไปในอนาคต
เติมพลังให้วันของคุณ
สำนักงานใหญ่และคลังน้ำมันราษฎร์บูรณะ