ผลการดำเนินงาน
ในปี 2562 เศรษฐกิจของประเทศเติบโตประมาณร้อยละ 2.4 ลดลงจากปี 2561 ที่เติบโตร้อยละ 4.2 จากการลดลงของมูลค่า การส่งออก การหดตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนสําหรับภาพรวมของธุรกิจน้ํามัน ในปี 2562 ประเทศไทยมียอดการบริโภคน้ํามันรวมทั้งสิ้นประมาณ 45,520 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 หรือ 1,249 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ซึ่งมียอดการบริโภคน้ํามันรวมประมาณ 44,271 ล้านลิตร เนื่องจากผลของสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และราคาน้ํามันได้ทยอยปรับลดลง ซึ่งส่งผล บวกต่อ อุปสงค์การบริโภคน้ํามันภายในประเทศ
ในปี 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้มีปริมาณขายน้ํามันโดยรวมทั้งสิ้น 1,394 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 135 ล้านลิตรจากปี 2561 หรือคิดเป็นร้อยละ 10.72 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาพรวมธุรกิจน้ํามันในประเทศ โดยปัจจัยหลักที่ทําให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ สูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมน้ํามันเกิดจากการขยายตัวของการขายส่งน้ํามันไปต่างประเทศ และการขายน้ํามันอากาศยาน ในขณะที่ บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของยอดขายน้ํามันในประเทศได้ดี ซึ่งเป็นผลจากหลากหลายองค์ประกอบ อาทิ เช่น ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ํามันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งทําให้ความต้องการใช้น้ํามันยังคงอยู่ในระดับสูง และจาก กิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น การสมัครสมาชิก “SUSCO Smart Member ยิ่งเติมมากยิ่งได้คะแนนมาก” จากการโฆษณา ผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อต่างๆ จากการปรับปรุงภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ด้วยการปรับปรุงสถานีบริการให้ดูทันสมัย เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ามา ใช้บริการมากขึ้น ตลอดจนการคัดสรรพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามาเสริมสร้างศักยภาพในการทําธุรกิจ อาทิเช่น ร้านสะดวกซื้อลอว์สัน และแฟมิลี่มาร์ท, ร้านกาแฟชาวดอยและราบิก้า, สตาร์บัคส์, ซับเวย์, บีควิก, บ๊อช คาร์ เซอร์วิส, ไทร์ พลัส, สถานีประจุไฟฟ้า สําหรับรถไฟฟ้าและหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องให้เข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นในสถานีบริการ เพื่อ เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สถานีบริการมากขึ้น
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 28,144 ล้านบาท ลดลงจาก 28,245 ล้านบาทในปี 2561 เป็นจํานวน 101 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.36 เนื่องจากรายการที่สําคัญคือ รายได้จากการขายลดลง จากราคาขายเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลง ในขณะที่ ปริมาณขายและค่าการตลาดเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น และรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากกําไรจากการจําหน่ายสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ทําให้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิ 388.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.48 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ที่มีจํานวน 283.68 ล้านบาท โดยในปี 2562 นี้ ถือเป็นปีที่บริษัทฯ มีกําไรจากการดําเนินงานสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
สําหรับปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 เนื่องจากมีหลายปัจจัยทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เช่น เรื่องสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน เรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใน ประเทศ การเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และมาตรการการเงินการ คลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และบริษัทย่อย ได้มีการประเมินผลกระทบที่จะมีผลต่อ การใช้น้ํามันในประเทศ และเตรียมรับมือกับความผันผวนของราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกโดยมีการบริหารน้ํามันสํารองอย่าง สม่ําเสมอรวมถึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ฐานะการเงิน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์หมุนเวียน 2,072 ล้านบาท มีหนี้สินหมุนเวียน 1,675 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนมีจํานวน 3,602 ล้านบาท มีหนี้สินไม่หมุนเวียน 385 ล้านบาท บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อที่ใช้ใน การดําเนินธุรกิจจํานวนกว่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีเงินกู้ยืมระยะยาวเพียง 148 ล้านบาท และมีอัตราส่วน ความสามารถในการชําระหนี้สูงมากกว่า 6 เท่า ซึ่งเกินกว่าอัตราส่วนขั้นต่ําที่ธนาคารกําหนดเป็นการทั่วไปที่ 1 เท่า เป็นอย่างมาก จากตัวเลขดังกล่าว เป็นสิ่งยืนยันว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยยังมีสภาพคล่องที่สูง และเพียงพอ สําหรับใช้ในการดําเนินธุรกิจทั้งใน ปัจจุบันและที่จะขยายต่อไปในอนาคต
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีความมั่นคงทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการชําระหนี้ สูง ดังจะเห็นได้จากอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ที่เกี่ยวกับสภาพคล่องที่สําคัญอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เช่น มีอัตราส่วนสภาพคล่องที่ 1.24 อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้าที่ 31.67 อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือที่ 44.44 และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.57
น้ำมันไทย ที่คุณมั่นใจ
สำนักงานใหญ่และคลังน้ำมันราษฎร์บูรณะ